คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังท้อง แต่ต้องไปตรวจสุขภาพต่าง ๆ แล้วต้องเอกซเรย์ แล้วมารู้ที่หลังว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่คงมีคำถามเกิดขึ้นว่า เอกซเรย์ตอนท้องได้ไหม? ถ้าทำแล้วจะมีผลอะไรเกิดขึ้นกับลูกในท้องบ้าง ยิ่งในปัจจุบันรังสีพวกนี้มีอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวันเช่น เครื่องเอกซเรย์ในสนามบิน เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องสแกนร่างกายเข้าสถานที่สำคัญต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นมาดูกันค่ะว่า สิ่งเหล่านี้อันตรายกับคุณแม่ตั้งครรภ์หรือไม่?
ผลจากการที่คุณแม่เอกซเรย์ตอนตั้งครรภ์ จะมีผลกับลูกในครรภ์ ก็ต่อเมื่อ ได้รับรังสี ตั้งแต่ 100 mGy ขึ้นไป และต้องดูด้วยว่าลูกในท้องมีอายุครรภ์เท่าไหร่?
ผลที่จะเกิดกับลูกในครรภ์ ถ้าได้รับรังสีมากเกินไปคือ
- การแท้งบุตร
- เด็กในครรภ์เติบโตช้า
- อวัยวะต่างๆพิการแต่กำเนิด
- ศีรษะเล็กกว่าปกติ
- ปัญญาอ่อน
- เป็นมะเร็ง
อันตรายจากการรับรังสี ตามอายุครรภ์แต่ละช่วง
- อายุครรภ์ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ หลังปฏิสนธิ(หรือ 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนมาวันสุดท้าย) ถ้าได้รับรังสี 100 mGy หรือ 10 rad ขึ้นไป อาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ในครรภ์ แต่ถ้ารับรังสี 500 mGy หรือ 50 rad ขึ้นไป ทารกในครรภ์เสียชีวิตแน่นอน
- อายุครรภ์ 3-8 สัปดาห์หลังปฏิสนธิ ถ้าได้รับรังสี 100 mGy หรือ 10 rad ขึ้นไป อาจทำให้ระบบประสาทและสมองเสียหาย เกิดภาวะปัญญาอ่อน อวัยวะต่าง ๆ ในร่างการอาจพิการ เพราะอายุครรภ์ช่วงนี้อวัยวะต่างๆของลูกในครรภ์กำลังพัฒนานั้นเองค่ะ
- ถ้าคุณแม่มีอายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์เป็นต้นไป แล้วได้รับรังสี เด็กในครรภ์จะไม่พิการหรือเสียชีวิต แต่อาจจะทำให้เด็กในครรภ์มีการเจริญเติบโตช้า และ อาจทำให้เป็นมะเร็งได้ในอนาคตค่ะ
การเอกซเรย์ที่จะทำให้คุณแม่ได้รับรังสี จนทำให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ได้นั้นมีดังนี้ค่ะ
- การสวนแป้งตรวจลำไส้ (Barium enema) จะได้รับรังสี 130.00 mGy
- การรักษาด้วยสารไอโอดีนกัมมันตรังสี-131 (Radioiodine หรือ Iodine-131 หรือ I-131) หรือ “น้ำแร่รังสีไอโอดีน” จะได้รับรังสีถึง 5900.00 mGy ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์อย่างมาก
สำหรับคุณแม่ที่ต้องเอกซเรย์ ฟัน ปอด แขน ขา ศีรษะ เต้านม หรือส่วนอื่นจะได้รับรังสีน้อยมากไม่มีผลเสียกับทารกในครรภ์ค่ะ และคุณแม่ที่ต้องทำงานใช้เครื่องถ่ายเอกสาร แฟกซ์ เครื่องสแกน ไมโครเวฟ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นกันค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ