การตกเลือดหลังคลอด เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่หลังคลอดลูก ทั้งแบบคลอดเองหรือผ่าคลอด คุณแม่หลังคลอดที่ถือว่ามีอาการตกเลือด คือ มีเลือดออกมากกว่า 500 มิลลิลิตรขึ้นไปสำหรับคุณแม่ที่คลอดเองโดยธรรมชาติ และมีเลือดออกมากกว่า 1,000 มิลลิลิตรขึ้นไปสำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด การตกเลือดหลังคลอดของคุณแม่เกิดจากอะไรดูได้ดังนี้ค่ะ
การตกเลือด มักเกิดขึ้นกับคุณแม่ได้ใน 2 กรณี คือ
1.การตกเลือดทันทีที่คลอดบุตรหรือภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 วัน โดยสาเหตุที่คุณแม่หลังคลอดมีอาการตกเลือดที่พบบ่อยที่สุดนั้นมาจากคุณแม่กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัวได้ไม่ดีพอ หรือพบว่ามีการฉีกขาดทางช่องคลอด และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เป็นต้น
2.หลังคลอดบุตรไปแล้วเป็นเวลา 1 วันไปจนถึง 3 เดือนแล้วมีอาการตกเลือด โดยสาเหตุหลักที่คุณแม่หลังคลอดมีอาการตกเลือด คือ การติดเชื้อและการมีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกค้างในโพรงมดลูก เป็นต้น
คุณแม่ที่มีความเสี่ยงที่จะตกเลือดหลังคลอด มีดังนี้
- คุณแม่ที่คลอดทารกมีขนาดตัวใหญ่ หรือการตั้งครรภ์แฝด
- มีการตั้งครรภ์หลายครั้ง
- คุณแม่ที่รอคลอดเป็นระยะเวลานาน
- คุณแม่ที่ถุงน้ำคร่ำแตกนานแล้วจนทำให้ติดเชื้อที่โพรงมดลูก
- คุณแม่ที่ต้องคลอดโดยการใช้ยาเร่งคลอด
- การใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อช่วยคลอด
- มีเนื้องอกที่มดลูกทำให้ขวางการบีบรัดตัวของมดลูก
- การฉีกขาดในช่องคลอด เนื้อเยื่อในช่องคลอด หรือ หลอดเลือดในมดลูก
- การที่มีเศษรกหรือเยื่อหุ้มทารกเหลือค้างในมดลูก
- คุณแม่มีภาวะเลือดออกง่ายกว่าปกติ
อาการของการตกเลือดมีหลายอย่าง คุณแม่ควรสังเกตอาการดังนี้ หัวใจเต้นเร็ว มีเลือดออกมาก ความดันต่ำ บริเวณช่องคลอดบวมช้ำหรือมีอาการเจ็บอักเสบ ถ้าคุณแม่มีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นให้รีบพบแพทย์ทันทีเพราะคุณแม่อาจอยู่ในภาวะตกเลือดนั้นเองค่ะ
คุณแม่ที่เคย ตกเลือดหลังคลอด ในครรภ์แรก โอกาสที่การตั้งครรภ์ในครั้งถัดไปจะมีอาการตกเลือดอีกนั้นมีมากถึง 10% ดังนั้นในครรภ์ถัดไปหากถึงเวลาฝากครรภ์คุณแม่ควรบอกกับคุณหมอให้ทราบว่าเคยประสบปัญหาตกเลือดหลังคลอดในครรภ์ก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้เตรียมตัว เฝ้าระวัง หรือ รีบให้ยารักษาแต่เนิ่น ๆ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ