โรคภูมิแพ้ สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ จากพ่อแม่สู่ลูก พ่อแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็มีสิทธิเป็นภูมิแพ้มากกว่าเด็กอื่นถึง 50% โรคภูมิแพ้ มีหลายแบบ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ โรคหอบหืด โรคแพ้อากาศ จมูกอักเสบ หรือ แพ้นมวัว แพ้ไข่ เป็นต้น
อาการภูมิแพ้ของลูก ขณะยังเป็นทารกอาจจะดูไม่ออกว่าเป็นภูมิแพ้แบบไหน เพราะยังไม่ค่อยได้สัมผัสกับอาการหรือสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ อาจจะดูได้จากการกินนมผสม หรือเมื่อโตขึ้นอาจจะรู้ได้จากการกินอาหารเสริม
อาหารที่มีปัจจัยทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ ส่วนมากคือ ไข่ขาว ไข่แดง แป้งสาลี ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เด็กที่มีอาการเป็นภูมิแพ้มักจะมีโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคหอบหืด หลอดลมไว และตามมาด้วยภูมิแพ้เยื่อบุจมูกและตาอักเสบ ซึ่งโรคเหล่านี้มักเกิดมาจากอาการภูมิแพ้ทั้งสิ้น
ป้องกันลูกจาก โรคภูมิแพ้ คุณแม่ทำได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์-หลังคลอด ดังนี้
1.ช่วงตั้งครรภ์
ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ควรงดสูบบุหรี่ หรือ หลีกเลี่ยงในที่ ๆ จะได้รับสารเหล่านี้เพราะจะทำให้ปอดของลูกลดประสิทธิภาพในการทำงานลง และบุหรี่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ลูกเกิดอาการภูมิแพ้ คุณแม่บางคนอาจหลีกเลี่ยงการทานอาหารบางอย่างที่มีผลต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยการงดกินนมวัว ไข่ หรือ แป้งบางชนิด เพราะคิดว่าจะทำให้ลูกไม่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งการงดอาหารเหล่านี้จากการวิจัยแล้วพบว่าไม่มีผลมากนักกับการทำให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ เพียงแต่ไม่ควรทานอาหารพวกนมวัว หรือนมถั่วเหลืองอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป ควรทานอาหารให้หลากหลาย ให้ครบ 5 หมู่ จะเป็นผลดีกับทารกมากที่สุดค่ะ
2.การให้นมบุตร
ถ้าลูกได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด จะทำให้ลดความเสี่ยงการเป็นโรคภูมิแพ้ได้มาก และลูกยังได้รับสารอาหารอื่น ๆ ในนมแม่ที่มีประโยชน์สูงมาก ๆ อีกด้วยค่ะ
3.อาหารเสริม
เด็ก ๆ ควรได้รับอาหารเสริมหลังจาก 4-6 เดือนขึ้นไป และควรกินอาหารเสริมตามวัย ไม่ต้องงดอาหารที่อาจทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงว่าเป็นภูมิแพ้หรือไม่ จนกว่าจะได้รับคำยืนยันจากแพทย์ว่าลูกแพ้อาหารชนิดนี้จึงควรงดอาหารดังกล่าว
เมื่อลูกโตขึ้นและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นภูมิแพ้ และเป็นภูมิแพ้แบบไหน พ่อแม่ควรให้ลูกหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อาการกำเริบ หรือมีอาการหนักมากกว่าเดิม เช่น แพ้ขนสัตว์ หรือแพ้ไรฝุ่น เป็นต้น
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ