fbpx
Homeเรื่องน่ารู้Advertorialการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคนี้ “ผลักดัน” หรือ “กดดัน”

การเลี้ยงลูกของพ่อแม่ยุคนี้ “ผลักดัน” หรือ “กดดัน”

Dr.Adissuda

พญ. อดิศร์สุดา เฟื่องฟู ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก จากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เล่าถึงประสบการณ์และความเห็นต่อการเลี้ยงดูลูกในโลกยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้น

 

ในฐานะที่เป็นกุมารแพทย์และในบทบาทของความเป็นแม่ด้วย ยิ่งทำให้เข้าใจและเห็นใจ การเป็นพ่อเป็นแม่ยุคนี้ มันไม่ง่ายเลยใช่มั๊ยคะต้องยอมรับว่า โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน ทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ เด็กๆ เดี๋ยวนี้เป็นภูมิแพ้กันมากขึ้น มีเชื้อโรคเกิดใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย ยิ่งทำให้พ่อแม่กังวล อีกทั้งในแง่ของสภาพสังคม และเศรษฐกิจ ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง พ่อแม่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน ทั้งคู่ ชีวิตเริ่มสตาร์ทกันตั้งแต่ตีห้า  มีเวลาอยู่กับลูกช่วงเช้าไม่กี่ชั่วโมง จำเป็นต้องไปฝากลูกเข้าเนอร์สเซอรี่ เพราะต่างคนต่างต้องรีบฝ่ารถติดเข้าไปทำงานให้ทัน ตกเย็นกว่าจะฝ่ารถติดไปรับลูกหลังเลิกเรียน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็นิยมให้ลูกเรียนพิเศษกันต่ออีกเพื่อเสริมความฉลาดอัจฉริยะของลูก ทั้งปัจจัยเรื่อง เวลาของพ่อแม่ บวกกับความเชื่อเดิมๆ ที่ว่า การผลักดันให้อยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะ ต้องเรียนเก่ง จึงจะมีโอกาส ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่งผลให้มีการผลักดันลูกด้านวิชาการกันมาก เด็กๆต้องเรียนพิเศษเยอะขึ้น ติวเข้มเพื่อสอบเข้าโรงเรียนดังๆ กัน ตั้งแต่อนุบาล โดยเฉพาะวัฒนธรรมแบบไทยๆของเรามักจะกลัวลูกเหลิง และชอบเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่นประจำ การพ่อแม่ผลักดันลูกมากเกินไปจนกลายเป็นความกดดัน ทำให้ลูกเสียโอกาสในการมีพัฒนาการรอบด้าน ลูกขาดทักษะชีวิตที่จะเรียนรู้อยู่รอดในสังคม อย่างมีความสุข

poll-infoB2

ถึงเวลาที่ต้องมาพิจารณาให้ดีว่า แค่มุ่งเน้นให้ลูกสมองฉลาดเป็นอัจฉริยะ เป็นเลิศทางวิชาการอาจไม่พอ เด็กยุคนี้  ต้องมีพัฒนาการและความพร้อมรอบด้าน ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ควบคู่กัน   มีพ่อแม่หลายคนมาปรึกษาหมอเรื่องทำไม่ลูกไม่มั่นใจในตัวเองติดพ่อแม่มากและ ไม่ยอมเข้ากับเพื่อนๆที่โรงเรียน สุดท้ายมาเจอต้นตอของปัญหาว่า ที่ลูกเข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ เพื่อนไม่ชอบ เพราะลูกตัวเหม็น เนื่องจากมีภาวะอุจจาระเล็ดเนื่องจากท้องผูกเรื้อรัง จะเห็นว่าสุขภาพร่างกายส่งผลต่อพัฒนาการทางสังคมของลูกหรือเด็กที่ป่วยบ่อยก็ส่งผลให้พัฒนาการถดทอยเพราะร่างกาย เกี่ยวพันกับสมองเป็นเรื่องเดียวกัน หรืออีกตัวอย่างที่พบประจำ คือ ปัญหาลูกสมาธิสั้น พ่อแม่หลายคนก็โทษ พวกอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ที่อาจทำให้ลูกใจร้อนรอไม่ได้ แต่อาจลืมไปว่า ตัวพ่อแม่เองมีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบอยู่ตลอดเวลา เร่งลูกให้ทำอะไรเร็วๆตลอด เด็กก็ซึบซับจนกลายเป็นปัญหาที่ไม่รู้ตัว

poll-infoB1

หมออยากฝากคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า การเลี้ยงลูกต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องหมั่นให้เวลากับลูกมากๆ พ่อแม่ต้องสอน ด้วยการทำให้กิจกรรมด้วยกันกับลูก ต้องแสดงความรักและชื่นชม อย่ากดดันลูกเรื่องวิชาการมากเกินไป ต้องให้ลูกได้มีโอกาสเสริมพัฒนาการรอบด้าน หมอเคยได้ยินว่าผู้นำเหล่าทัพส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกที่สอบได้ที่หนึ่งของห้อง แต่มักเป็นคนที่เป็นที่รักของเพื่อนฝูง คนที่แก้ปัญหาเก่ง และมีความสามารถหลากหลาย ใครที่ยังกังวลกับเรื่องการเลี้ยงดูลูก ลองดูโพลล่าสุดที่สำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่แล้วจะรู้ว่า เด็กยุคนี้ …แค่อัจฉริยะไม่พอจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังป้อน เด็กยุคใหม่ที่เก่งพร้อมรอบด้าน เพื่อสังคมที่มีทั้งคุณภาพและความสุขนะคะ 

ลิ้งค์ สวนดุสิตโพล 


Photo Credit : telegraph.co.uk

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular