การแพ้อาหารหรือสิ่งรอบตัวกลายเป็นปัญหาให้เด็กหลายคน อาการแพ้ฝุ่น ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้ และอาหารอย่างกุ้ง หมึก หอย หรือปลา เป็นสิ่งที่คนมีอาการแพ้ยังหลีกเลี่ยงได้ เพราะเห็นได้ชัดเจนและบ่งบอกได้ว่ามีอาการแพ้สิ่งเหล่านั้น คนใกล้ตัวจะช่วยเลี่ยงให้ แต่การแพ้ถั่ว เป็นสิ่งที่พึงระวังอย่างมาก เพราะถั่วเป็นส่วนผสมของอาหาร ขนม และนมอย่างหลากหลาย หากใครไม่สังเกตจากตารางโภชนาการ หรือส่วนประกอบที่มีแล้ว อาจเผลอทานสิ่งที่แพ้เข้าไปได้ ถ้าอาการน้อยอาจมีแค่ผื่นแดง ถ้าอาการหนักก็ถึงแก่ชีวิตได้เลยค่ะ
สาเหตุของอาการแพ้ถั่วในเด็ก
อาการแพ้ถั่วที่เกิดขึ้นในเด็กนั้น มีการศึกษาที่น่าสนใจว่า คุณแม่ที่ให้ลูกได้รับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบหรือทำจากถั่วเร็วเกินไป ตั้งแต่ช่วงอายุ 6 เดือน – 1 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายของเขายังพัฒนาระบบภูมิต้านทานได้ไม่เต็มที่ หรือสาเหตุหลักของอาการแพ้ต่าง ๆ คือพันธุกรรม ถ้าคนในบ้านหรือบรรพบุรุษมีคนแพ้ถั่วแล้ว โอกาสที่ลูกน้อยจะแพ้ถั่วก็มีได้
ลูกแพ้ถั่ว จะมีอาการดังนี้
อาการแพ้ถั่ว จะเห็นชัดเจนในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ซึ่งอาการแพ้จะเหมือนกันคือ ผื่นขึ้น ปากและลิ้นบวม คลื่นไส้ คัดจมูก หายใจติดขัด มีโอกาสช็อกและเสียชีวิตได้ ถ้าอาการของเด็กกำเริบการพบแพทย์จะช่วยเหลือได้เร็วที่สุด คุณพ่อคุณแม่สามารถขอคำแนะนำในการรักษาอาการเบื้องต้นจากแพทย์ได้เพื่อยื้ออาการให้ทุเลาก่อนถึงโรงพยาบาลได้
อาการแพ้ถั่วนี้สามารถกำเริบได้ทันทีเมื่อรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมจากถั่ว แต่บางครั้งอาการแพ้สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากรับประทานอาหารเป็นชั่วโมง ในช่วงแรก ๆ คุณแม่อาจบันทึกรายการอาหารไว้ หากเด็กมีอาการแพ้กำเริบขึ้น ก็บอกคุณหมอด้วยว่ามื้ออาหารนั้นเด็กได้ลิ้มลองเมนูใดไปบ้าง
ข้อควรระวังเมื่อลูกมีอาการแพ้ถั่ว
อาการแพ้ถั่ว น่าเป็นห่วงกว่าการแพ้อาหารอื่น ๆ เพราะเครื่องปรุงรสต่าง ๆ หรือขนมกรุบกรอบที่ขายทั่วไป อาจมีส่วนผสมของถั่ว ซึ่งบางยี่ห้อไม่มีการระบุข้างซองว่ามีการผสมถั่วไว้ด้วย หากเด็กพลาดไปกินแล้ว อาการแพ้ก็มีโอกาสกำเริบได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการหายใจติดขัดเมื่อเจอสิ่งที่แพ้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจอาหารและขนมที่ซื้อไว้ให้ลูกเพื่อความปลอดภัยของลูกรักด้วยค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ