ผู้หญิงทุกคนเมื่อตั้งครรภ์จะมีอาการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้น ทั้งอาการที่ส่งผลว่าเป็นปกติดี และ อาการที่บอกว่าแบบนี้อันตราย คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักมีความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าแบบไหนเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติทั่วไปของคนท้อง แล้วอาการแบบไหนถึงจะเรียกว่าผิดปกติ ดังนั้นเราจึงรวบรวมข้อมูลเรื่อง สัญญาณอันตรายที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปพบหมอ มาไว้ให้ค่ะ
8 สัญญาณอันตรายที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรีบไปหาหมอ มีดังนี้
1. อาการเลือดออกทางช่องคลอด
ถ้าคุณแม่มีอาการเลือดออกทางช่องคลอดไม่ว่าจะมากหรือน้อย ไม่ว่าจะสีเข้มหรือสีจางต้องรีบไปพบคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้ก่อนนะคะ เพราะอาการเลือดออกเกิดจากหลายสาเหตุ ถ้าคุณแม่ท้องในช่วง 5 เดือนแรก สาเหตุที่พบบ่อย คือ อาการแท้ง ส่วนคุณแม่ที่มีเลือดออก หลังจาก 5 เดือนนี้ไปแล้ว พบบ่อยกับคุณแม่ที่มีภาวะรกเกาะต่ำ แต่อย่างไรแล้วคุณแม่ต้องไปให้คุณหมอตรวจให้แน่ใจว่าเลือดออกมาจากสาเหตุใดค่ะ
2. ลูกดิ้นน้อยลง หรือไม่ดิ้นเลย
คุณแม่จะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นหลังเดือนที่ 5 ไปแล้วสำหรับท้องแรกส่วน ท้องที่ 2 จะรู้สึกไวกว่าประมาณ ปลายเดือน 4 ก็รู้สึกแล้วค่ะ การนับลูกดิ้น ให้คุณแม่นั่งนิ่งและลองนับดู ถ้าใน 4 ชั่วโมง ลูกดิ้นประมาณ 10 ครั้งขึ้นไปถือว่าปกติ ส่วนมากลูกจะดิ้นหลังจากทานอาหารไปแล้วค่ะ อย่างไรก็ตามคุณแม่ต้องสังเกตตัวเองด้วยถ้าลูกดิ้นน้อยมาก ๆ คุณแม่ต้องปรึกษาคุณหมอค่ะ อย่าปล่อยจนไม่สามารถนับการดิ้นของลูกได้ ถ้ารู้สึกว่าลูกไม่ดิ้นเป็นเวลานานต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะลูกอาจจะเสียชีวิตในครรภ์ได้ค่ะ
3. แพ้ท้องรุนแรง
อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติของคนท้องค่ะ แต่แพ้ท้องแบบกินไม่ได้นอนไม่หลับ อาเจียน คลื่นไส้ น้ำหนักลด ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย แบบนี้ถือว่าอันตรายค่ะ เพราะคุณแม่อาจมีภาวะตั้งครรภ์แฝด หรือ การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ดังนั้นถ้ามีอาการแพ้ท้องรุนแรงแบบนี้ต้องรีบไปพบหมอนะคะ
4. เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด
คือ เจ็บครรภ์ก่อน สัปดาห์ที่ 37 ถ้ารู้สึกเจ็บครรภ์ก่อนช่วงนี้คุณแม่ต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะ เพราะคุณแม่อาจต้องคลอดก่อนกำหนดซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงกับทารกมากเพราะปอดของทารกในครรภ์ยังทำงานไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ค่ะ คุณแม่จะรู้ว่าเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดได้จาก มีอาการมดลูกบีบตัว ทุก ๆ 10-15 นาที อาการแบบนี้ถือว่าเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดค่ะ
5. น้ำเดิน หรือน้ำคร่ำแตก
เป็นสิ่งที่บอกว่าการคลอดจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนี้ ที่น้ำเดินเกิดจากการบีบตัวของมดลูกจนน้ำคร่ำรั่วหรือแตกออกมา ถ้ามีอาการน้ำเดินคุณแม่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะต้องเตรียมตัวคลอดภายใน 24 ชั่วโมงค่ะ
6. ปวดท้องน้อย
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกอาจมีอาการปวดท้องน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะ มดลูกกำลังขยายเพื่อรองรับทารกที่กำลังเจริญเติบโตเพียงนั่งหรือนอนพักผ่อนก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าคุณแม่มีอาการปวดอย่างมาก และ ปวดนานพักอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นให้คุณแม่รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการที่แท้จริงต่อไปค่ะ
7. จุกแน่นหน้าอก ปวดหัว ตาพร่ามัว
อาการที่กล่าวมาข้างต้นคืออาการของโรคความดันโลหิตสูง หรือ ครรภ์เป็นพิษ นั้นเองค่ะ อาการนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายสำหรับคุณแม่และลูกในครรภ์มากค่ะ อาการนี้มักจะพบตอนช่วงใกล้คลอดแล้วค่ะ ถ้ามีอาการดังที่กล่าวมาควรรีบไปพบแพทย์ทันทีค่ะ
8. มีไข้สูง
การที่คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นไข้บ่งบอกว่าติดเชื้ออะไรบางอย่าง คุณแม่ต้องรู้ว่าเป็นไข้เพราะอะไร ติดเชื้อไวรัสตัวใดอยู่หรือไม่ หากคุณแม่เป็นไข้ให้รีบพบหมอเพื่อหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วย คุณหมอจะได้วินิจฉัยโรคให้อย่างถูกต้องแม่นยำค่ะ
อาการที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นอาการที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรสังเกตตัวเอง เพราะถ้าคุณแม่ปล่อยละเลยผ่านไปคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน เพราะอาการที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นอันตรายกับตัวคุณแม่และลูกในครรภ์อย่างมากเลยค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- ระหว่างตั้งครรภ์ชอบปวดหัวอันตรายหรือไม่?
- ทารกสะอึกบ่อยเป็นอันตรายหรือไม่ มีวิธีแก้ไขอย่างไร?
- สูตินรีแพทย์เตือน! อัลตร้าซาวด์อายุครรภ์ยังน้อยอันตราย