โรคแพนิก เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจและส่งผลต่อการแสดงออกของร่างกาย รวมถึงอารมณ์ความรู้สึกด้วย ผู้ป่วยที่เป็นโรคดังกล่าวนี้จะค่อนข้างเกิดความกังวลใจในตัวเองเพราะมักจะควบคุมการแสดงออกต่าง ๆ ของตนเองไม่ได้เมื่ออาการของโรคกำเริบ นอกจากนี้ในส่วนของผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยก็ต้องหมั่นสังเกตเพื่อเข้าช่วยเหลือรวมถึงป้องกันได้อย่างถูกวิธี ดังนั้นเพื่อให้มีความเข้าใจในโรคดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น เราจึงขอรวบรวมข้อมูลของโรคแพนิกทั้งเกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร วิธีการรักษา รวมไปถึงมีวิธีดูแลป้องกันมาให้ทุกท่านไว้ในบทความนี้กัน
โรคแพนิก เกิดจากสาเหตุอะไร
โรคแพนิก หรือ Panic Disorder จัดเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของ Automatic Nervous System หรือระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของร่างกายหลายส่วนจึงปรากฎเป็นอาการแพนิกที่หลากหลายตามมา โดยการทำงานที่ผิดปกตินี้ก็มีสาเหตุมาจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1.ชีวเคมีภายในร่างกายไม่ว่าจะเป็นส่วนของระดับฮอร์โมนที่ขาดสมดุลซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ หรือ Amygdala ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่ควบคุมความกลัวเกิดการทำงานผิดปกติจึงทำให้เกิดความวิตกกังวลที่มากกว่าปกติ
2.กรรมพันธุ์ทั้งนี้ผู้ที่มีญาติที่ครอบครัวป่วยเป็นโรคแพนิกมักจะมีแนวโน้มในการเป็นโรคนี้มากกว่าบุคคลทั่วไป
3.พฤติกรรมการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่มักเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของผู้ที่ป่วยเป็นโรคแพนิกไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ครบถ้วน หรือ พฤติกรรมการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรือ การดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด การแข่งขัน หรือ ความกดดันก็ล้วนเป็นสาเหตุของโรคดังกล่าวทั้งสิ้น
อาการแพนิก เป็นอย่างไร
ถัดมาเราก็ขอพาทุกท่านไปเช็คว่าตนมีอาการแพนิกอยู่หรือไม่ ซึ่งอาการดังกล่าวก็ประกอบไปด้วย
- อาการทางจิตใจซึ่งมักพบว่าผู้ป่วยมักมีความวิตกกังวลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าปกติ รวมไปถึงวิตกกังวลในหลาย ๆ เรื่องอย่างเกินเหตุ จนทำให้เกิดความกลัวทั้งการกลัวว่าจะควบคุมสถานการณ์นั้น ๆ ไม่ได้ หรือ การกลัวว่าจะเกิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งซ้ำขึ้นมาอีก หรือแม้แต่การกลัวการต้องอยู่คนเดียว ซึ่งอาการทางจิตใจเหล่านี้จะนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคย้ำคิดย้ำทำได้อีกด้วย
- อาการแพนิกที่เกิดขึ้นกับร่างกายจะเป็นผลมาจากการควบคุมของระบบประสาทอัตโนมัติทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกำหนดหรือสั่งการอาการที่ปรากฎทางด้านร่างกายเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นอาการปั่นป่วนในท้องคล้ายจะอุจจาระหรือปัสสาวะอยู่ตลอดเวลาหรือบางรายก็มีอาการอยากจะอาเจียนร่วมด้วย นอกจากนี้ก็จะมีอาการเหงื่อออกตามร่างกายที่มากกว่าปกติแม้จะไม่ได้อยู่ในที่ร้อน หรือ อาการสั่นหรือชาตามร่างกาย หรือ อาการหัวใจเต้นเร็วและแรง หายใจถี่ ช่วงลมหายใจสั้น ไปจนกระทั่งถึงการเป็นลม
วิธีการรักษาอาการแพนิก
โรคแพนิกจัดเป็นโรคที่มีความรุนแรงไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย รวมถึงการเข้าสังคม ดังนี้ผู้ป่วยจึงไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการรักษาดังนี้
1.การรักษาทางด้านร่างกาย ซึ่งมีทั้งส่วนของการรักษาตามอาการที่ผู้ป่วยเป็นอย่างการให้ยาลดความดัน การให้วิตามินช่วยลดอาการชาหรือสั่นที่เกิดขึ้นกับร่างกาย รวมไปถึงการรักษาที่ต้นเหตุควบคู่ไปด้วยซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะรักษาโดยการให้ยาเพื่อปรับสมดุลชีวเคมีภายในร่างกายของผู้ป่วย
2.การรักษาทางใจเป็นอีกหนึ่งทางที่ต้องรักษาควบคู่ไปกับการรักษาทางด้านร่างกายเสมอ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากสาเหตุของโรคดังกล่าวมาจากส่วนของจิตใจเป็นหลัก ในส่วนนี้จะมีการรักษาที่ค่อนข้างซับซ้อนกว่าขึ้นกับช่วงอายุ ประสบการณ์หรือการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของผู้ป่วย ซึ่งการรักษาทางด้านจิตใจก็มีทั้งการอาศัยความสงบจากธรรมชาติ การฝึกควบคุมลมหายใจผ่านการทำสมาธิหรือการสวดมนต์ หรือแม้แต่การเปลี่ยนกลุ่มสังคมทั้งส่วนของโรงเรียนหรือสถานที่ทำงาน เป็นต้น
อาหารที่คนเป็นโรคนี้ควรเลี่ยง
หนึ่งในปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นการเกิดอาการและการเกิดโรคดังกล่าวก็คือ ส่วนของอาหาร โดยเราได้รวบรวมส่วนของอาหารที่คนเป็นโรคควรเลี่ยง ซึ่งมีดังนี้
- เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและ Alcohol
- อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณที่สูง
การป้องกันโรคแพนิก ทำอย่างไร
โดยมากแล้วผู้ที่จะเป็นโรคแพนิกมักจะไม่รู้ตัวมาก่อน (ยกเว้นในกรณีที่เกิดขึ้นจากพันธุกรรม) ดังนั้นแม้ว่าคุณและคนที่คุณรักจะไม่เสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าวก็ควรป้องกันตนเองและคนที่คุณรักไว้ก่อนอย่างสม่ำเสมอ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขหรือการรักษาอย่างแน่นอน โดยการป้องกันโรคดังกล่าวก็คือการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขทั้งการรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อน การออกกำลังกาย การเข้าสังคม การทำงานหรือการเรียน และที่สำคัญเลยก็คือการให้เวลาตนเองในการพูดคุย สำรวจความรู้สึก และอนุญาติให้ตนเองมีอิสระหรือให้รางวัลแก่ตนเองบ้างนั่นเอง
โรคแพนิกกับอีกหนึ่งกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ ทำให้เกิดการรักษาและการป้องกันได้ค่อนข้างยาก เพราะจิตใจเป็นส่วนที่ซับซ้อนมาก แม้แต่วิทยาการทางการแพทย์ในสมัยใหม่ก็ยังไม่สามารถไขข้อสงสัยหรือหาความเชื่อมโยงเกี่ยวพันธ์ในส่วนของจิตใจได้ทั้งหมด ดังนั้นหากคุณหรือคนที่คุณรักตกอยู่ในสถานการณ์การป่วยเป็นโรคดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่ได้ผิดแปลก หรือไม่จำเป็นต้องรู้สึกแปลกแยกแต่อย่างใด เพียงแค่คุณเองต้องเข้ารับการรักษาและต้องป้องกันการเกิดโรคดังกล่าวในตนเองอยู่เสมอ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ