การฉีดวัคซีนควรเริ่มตั้งแต่วัยแรกเกิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพราะวัคซีนแต่ละชนิดนั้นล้วนแต่มีผลต่อการต้านไวรัส และแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายของเด็กแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดี เด็กๆ ทุกคนจึงควรได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 4 ขวบ โดย วัคซีน 4 ขวบ ที่ต้องฉีดในวัยนี้มีอะไรบ้าง รู้ไว้คุณแม่จะได้ไม่ลืมพาลูกไปรับวัคซีนให้ครบตามกำหนด
วัคซีน 4 ขวบ สำคัญอย่างไร
เมื่อลูกอายุครบ 4 ขวบจำเป็นจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นไปตามแบบแผนที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดให้ครบ เด็กๆ ทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีน เพราะวัคซีนถูกสร้างมาเพื่อป้องกันไวรัส และ เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อโรค มีประสิทธิภาพป้องกันโรคสูง และเมื่อเด็กวัย 4 ขวบได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดแล้ว ร่างกายก็จะแข็งแรงสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดี ไม่เจ็บป่วยง่ายวัคซีน 4 ขวบ จึงถือว่ามีความสำคัญมาก คุณแม่ควรพาลูกไปรับวัคซีนให้ครบ
วัคซีนอะไรบ้างที่เด็ก 4 ขวบต้องฉีด
วัคซีนสำหรับเด็ก วัย 4 ขวบที่ต้องฉีดมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งมีทั้งวัคซีนพื้นฐาน และวัคซีนเสริมที่สามารถไปฉีดเพิ่มได้ โดยวัคซีนพื้นฐานที่เด็กวัย 4 ขวบควรได้รับก็จะมีดังนี้
1.วัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรนชนิดทั้งเซลล์ ครั้งที่ 5 (DTP5)
เมื่อลูกอายุครบ 4 ขวบ จำเป็นจะต้องได้รับวัคซีนรวมวัคซีน 4 ขวบ เพื่อป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน ครั้งที่ 5 เนื่องจากวัคซีนชนิดทั้งเซลล์ ผลิตจากเชื้อและพิษของเชื้อที่ผ่านการทำให้สิ้นฤทธิ์แล้ว และเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายของเด็กแล้ว จะทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อโรค และเมื่อเด็กได้รับวัคซีนครบตามกำหนด เด็กอาจจะมีผลข้างเคียงเจ็บป่วยเล็กน้อย
2.วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดหยอด ครั้งที่ 5 ( OPV5)
ลูกวัย 4 ขวบ ลูกควรได้รับวัคซีป้องกันโรคโปลิโอชนิดหยอดครั้งที่ 5 วัคซีนนี้ผลิตจากเชื้อโปลิโอที่มีชีวิต โดยผ่านกระบวนการทำให้เชื้ออ่อนแอลง และเมื่อเด็กได้รับเข้าไปจะไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่จะไปช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเด็ก สำหรับวัคซีน 4 ขวบ ชนิดกินจะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดี อย่างไรก็ตามมีการพบว่าวัคซีนชนิดกินมีผลข้างเคียงและก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อ บางประเทศจึงใช้การฉีดแทนเพื่อความปลอดภัยของเด็กมากขึ้น
3.วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน ครั้งที่ 2 (MMR2)
วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน เด็กควรได้รับครั้งแรกตั้งแต่อายุ 9 – 12 เดือน และรับครั้งที่ 2 ก่อนอายุครบ 4 ขวบ หรือหากช่วงไหนมีการระบาดหนักๆ เด็กควรได้รับวัคซีนห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
การดูแลลูกหลังพาไปฉีดวัคซีน
การที่คุณแม่พาลูกไปรับ วัคซีนสำหรับเด็ก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ให้ลูกมีร่างกายแข็งแรงต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดี เมื่อรับ วัคซีน 4 ขวบ แน่นอนว่า ลูกจะมีอาการป่วย ปวดหัวตัวร้อน มีไข้ การดูแลเด็กหลังฉีดวัคซีนจึงสำคัญมาก หากลูกมีอาการป่วยคุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1.ลูกน้อยร้องไห้งอแง
หลังรับวัคซีน 4 ขวบ ลูกน้อยจะมีอาการร้องไห้งอแง ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว คุณแม่ควรมอบความอบอุ่นแก่ลูกด้วยการโอบกอด เพื่อให้ลูกสบายใจ หากร้องไห้ไม่หยุด ควรเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหาของเล่นให้เล่น หรือจะเปิดการ์ตูนให้ดู เพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย และหลับไปในที่สุด
2.ลูกมีไข้ตัวร้อน
หลังได้รับวัคซีน เด็กส่วนใหญ่มักจะมีอาการป่วยไข้ไม่สบาย ปวดหัวตัวร้อน คุณแม่จึงควรดูแลไม่ให้ห่าง หากลูกตัวร้อน ให้เช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้กับลูก หากไข้ไม่ลดก็ให้กินยาลดไข้สำหรับเด็กอย่างเช่น พาราเซตามอล เด็กที่ได้รับ วัคซีนสำหรับเด็ก จะป่วยประมาณ 1 – 2 วัน และก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
3.หากลูกมีผื่นขึ้น
หลังได้รับวัคซีน 4 ขวบ หากมีผื่นขึ้นคุณแม่ไม่ต้องตกใจ หรือกังวลใดๆ เพราะนี่คือผลข้างเคียงจากวัคซีน และจะหายไปเองภายใน 2 – 3 วัน ช่วงนี้คุณแม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ที่สามารถระบายอากาศได้ให้กับลูก เพื่อลดความอับชื้น จะทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้น หากเกิน 3 วันแล้วผื่นยังไม่หาย ควรพาลูกไปพบแพทย์ด่วนเลย
4.ตรงที่ฉีดวัคซีนเป็นไตหรือเป็นแผล
คุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูก หลังได้รับวัคซีน หากพบว่าบริเวณที่ฉีดวัคซีนเป็นไตแข็งๆ หรือมีแผลอาจจะเกิดจากการติดเชื้อจึงทำให้เกิดเป็นไตและเป็นแผลควรพาลูกไปพบแพทย์
ลูกต้องฉีดวัคซีนครั้งต่อไปเมื่ออายุเท่าไหร่
เมื่อลูกได้รับ วัคซีน 4 ขวบ ครบแล้ว ครั้งต่อไปที่ลูกต้องไปฉีดวัคซีนแต่ละชนิด ก็จะทิ้งเวลาที่แตกต่างกันออกไป โดยวัคซีนรวมป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ควรไปฉีดวัคซีนอีกทีเมื่ออายุครบ 12 – 16 ปี วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส (MMRV) เมื่ออายุครบ 12 ปี และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ควรไปฉีดซ้ำทุกปี
เด็กๆ วัย 4 ขวบควรได้รับวัคซีน 4 ขวบ ให้ครบ ตามที่กระทรวงสาธารสุขได้กำหนดไว้ และควรได้รับซ้ำตามที่กำหนดไว้ในแต่ละชนิด การที่ได้รับวัคซีนครบ จะทำให้ร่างกายของเด็กแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดี ไม่ทำให้เจ็บป่วยง่ายนั่นเอง
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ