fbpx
Homeผู้หญิงตดเหม็นมาก เพราะอะไร? มาดูสาเหตุและวิธีป้องกัน

ตดเหม็นมาก เพราะอะไร? มาดูสาเหตุและวิธีป้องกัน

การตดหรือผายลมถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับทุกคน เพราะเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไปแล้ว การสลายอาหารที่ไม่ถูกย่อย เมื่อเกิดการหมักหมมนาน ๆ ก็จะมีแก๊สเป็นจำนวนมากภายในท้อง ทำให้มีการตด หรือผายลมออกมา แต่ที่แปลกก็คือบางคนตดแล้วไม่มีกลิ่นรบกวนใคร แต่บางคนตดเหม็นมากจนแทบจะทนไม่ไหว เป็นเพราะอะไร มาเช็คกันดูดีกว่าว่า ตดเหม็นมาก เกิดจากอะไรมีปัญหาสุขภาพอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ หากพร้อมแล้วมาดูสาเหตุกัน

ตดเหม็นมาก เกิดจากอะไร

ปกติแล้วการตดเป็นกระบวนการขับลมในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ ซึ่งลมเหล่านี้จะไม่มีกลิ่นใด ๆ แต่เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป ทำให้ลำไส้เกิดการหมักหมมอาหารชนิดต่าง ๆ แล้วลำไส้จะเข้ามาเก็บกากอาหารทั้งหลาย ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้เกิดกำมะถัน หรือซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นสารที่มีกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ ตดเหม็นมาก อาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเช่นกันดังนี้

1.กินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง

สำหรับคนที่ชอบกินอาหารโปรตีนเยอะ ๆ เมื่อผ่านกระบวนการย่อย ก็อาจทำให้เกิดไฮโดรเจนซัลไฟด์มากขึ้น ซึ่งสารตัวนี้จะเพิ่มระดับความเหม็นได้ หรือคนที่กินเครื่องเทศบางชนิด หรืออาหารที่มีซัลเฟอร์กำมะถันสูงอย่างเช่น นม ถั่ว หัวหอม กระเทียม เนยแข็ง บล็อกโคลี ผักตระกูลกะหล่ำปลี ไข่ งา เป็นต้น ก็จะทำให้ ตดเหม็น มากขึ้นได้เช่นกัน

2.กินอาหารที่ย่อยยาก

คนที่ชอบทานอาหารที่มีแลคโตสในนมวัว กลูเตน รวมถึงสารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างเช่น ไซลิทอล ซอร์บิทอล เป็นต้น ร่างกายบางคนย่อยไม่ได้ ทำให้แบคทีเรียในสำไส้เพิ่มจำนวนเพื่อมาช่วยย่อย และการที่แบคทีเรียบางชนิดในลำไส้มากกว่าปกติ จะทำให้ ตดเหม็นมาก กว่าเดิมอีก

3.ท้องผูกเป็นเวลานาน

อาการท้องผูกเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายสะสมของเสียไว้จำนวนมาก เกิดการหมักหมม ซึ่งตรงนี้จะทำให้แบคทีเรียในลำไส้เพิ่มมากขึ้น และทำให้ ตดเหม็นมาก รวมถึงยังมีอาการมวนท้องร่วมด้วย

4.การกินยารักษาโรคบางชนิด

ยารักษาโรคบางชนิดก็มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ และยังทำให้เกิดการสะสมแบคทีเรียในลำไส้มากขึ้น ก่อให้เกิด ตดเหม็น ได้เช่นกัน

วิธีป้องกันไม่ให้ตดมีกลิ่นเหม็นมาก

ไม่อยาก ตดเหม็นมาก จนน่าอับอาย สามารถป้องกันได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ จะช่วยให้ห่างไกลจากอาการตดเหม็น ท้องผูก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้อย่างแน่นอน

  • ลดการกินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง ๆ ได้แก่ ผักตระกูลกะหล่ำปลี กระเทียม หัวหอม ถั่ว ไข่ นม เป็นต้น
  • หากร่างกายไม่สามารถที่จะย่อยแลคโตสจากนมวัวได้ ก็หันมาดื่มนมแลคโตสฟรีแทน
  • กินอาหารครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่กินหมู่ไหนมากจนเกินไป โดยเฉพาะโปรตีนที่อาจทำให้ตดเหม็นมากขึ้นได้
  • หลีกเลี่ยงการกินสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่างเช่น ลูกอม หมากฝรั่ง เป็นต้น
  • ควรกินอาหารคำเล็ก ๆ และเคี้ยวนานๆ ให้ละเอียดขึ้น เพื่อลดการกลืนอากาศลงกระเพาะอาหารระหว่างอ้าปาก หรือเคี้ยว จะได้ตดน้อยลง
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพื่อเป็นการกระตุ้นลำไส้ให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น และเพื่อลดอาการท้องผูก
  • สำหรับผู้ที่ป่วยที่ต้องกินยารักษาโรค หากยาที่กินอยู่ทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องผูก ให้ลองปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาที่ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านี้
  • แม้ภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ตดเหม็น เป็นเพียงอาการ ซึ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากพบความผิดปกติร่วมกับอาการอื่น ๆ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ หรือมะเร็งกระเพาะอาหารได้

ตดเหม็นร่วมกับอาการแบบไหน ควรพบหมอ

การผายลมไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เพราะในแต่ละวันคนเรามีการผายลมมากกว่า 10 ครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่หากมีอาการตดเหม็นมาก อาจจะมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งหากพบความผิดปกติอาการเหล่านี้ ให้รีบมาพบแพทย์โดยด่วน

  • มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ และมักจะเป็นตะคริวที่ท้อง
  • มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยบ่อย ๆ
  • มีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องเสียบ่อย
  • ถ่ายเป็นเลือด หรือมีลิ่มเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก
  • ลำไส้มีความไวต่ออาหารที่กินอย่างเช่น กินแล้วขับถ่ายเลย หรือกินแล้วท้องเสียเลยแบบนี้ เป็นต้น
  • น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
  • ปวดหัว ตัวร้อน มีไข้มากกว่า 38 องศา
  • ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อ มากกว่า 50% ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ แพทย์จะให้การรักษาด้วยการรับประทานยา รวมถึงปรับเปลี่ยนอาหารและพฤติกรรม  แต่หากพบว่ามีอาการนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ รับประทานยาแล้วยังไม่ดีขึ้น พร้อมทั้งมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวซีด ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งต้องตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด ทั้งนี้อาการตดเหม็นมาก ไม่ได้บอกถึงปัญหาสุขภาพอะไรเท่าไหร่ แต่หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วยอย่านิ่งนอนใจ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการตดเหม็นมาก ควรหลีกเลี่ยงการตดในพื้นที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก ควรหาที่อากาศถ่ายเทที่เป็นส่วนตัวในการผายลม กลิ่นจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น นอกจากนี้ หากมีความผิดปกติอื่น ๆ นอกจากตดเหม็นก็ควรไปตรวจสุขภาพดูบ้าง หากมีปัญหาสุขภาพโรคอื่น ๆ จะได้รักษาได้ทันท่วงที

เรื่องอื่นๆ ที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular