fbpx
Homeการตั้งครรภ์พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน มาดูสิเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน มาดูสิเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

เมื่อตั้งครรภ์ย่างเข้าเดือนที่ 3 คุณแม่หลายท่านก็คงอยากจะรู้ว่าลูกมีขนาดตัวเท่าไหร่ และมีพัฒนาการในครรภ์อย่างไร ต้องกินอาหารประเภทไหนเพื่อที่จะบำรุงครรภ์ นอกจากนี้ช่วง 3 เดือนแรกถือว่าเป็นช่วงที่ครรภ์ยังอ่อน เสี่ยงที่จะหลุดหรือแท้งได้ง่าย จึงต้องคอยระวังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนเป็นอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ มาดูกันว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน จะเป็นอย่างไรลูกน้อยในครรภ์จะมีขนาดเท่าไหร่ และร่างกายคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนในช่วง 3 เดือนแรกนี้

พัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน เป็นอย่างไร

คุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกช่วงนี้อาการแพ้ท้องก็จะเริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว เริ่มทานอาหารได้มากขึ้น ร่างกายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงปรับตัวได้ดีขึ้น ซึ่งสามเดือนแรกขนาดท้องคุณแม่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และลูกน้อยในครรภ์ก็จะมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน มาดูกันว่า พัฒนาทารกในครรภ์ 3 เดือน จะเป็นอย่างไรบ้าง

  1. พัฒนาการทารกในครรภ์ ช่วง 3 เดือนแรก ทารกจะมีขนาดตัวประมาณ 10 เซนติเมตร และมีน้ำหนักตัวประมาณ 15 กรัม
  2. จะเริ่มมีอวัยวะภายนอกให้เห็น แต่จะยังระบุเพศที่ชัดเจนไม่ได้
  3. ส่วนหัวของทารกในครรภ์จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าลำตัว และเริ่มมีกระดูกตามลำตัวและมีซี่โครง
  4. ขากรรไกรเหง้าฟันแท้ทั้ง 32 ซี่จะซ่อนอยู่ในปุ่มเหงือกอย่างครบถ้วนแล้ว
  5. พัฒนาทารกในครรภ์ 3 เดือน หัวใจจะเริ่มเต้นเร็วขึ้น แต่ในทารกบางรายอาจจะยังไม่สามารถฟังเสียงหัวใจได้ เนื่องจากผนังหน้าท้องของคุณแม่หนามากเกินไป
  6. ทารกในครรภ์จะเริ่มกลืนน้ำคร่ำได้ เพราะลำไส้เริ่มทำงานแล้ว และก็จะมีการปัสสาวะออกมาได้แล้วเล็กน้อย เนื่องจากระบบขับถ่ายเริ่มทำงานแล้วเช่นกัน

วิธีกระตุ้นพัฒนาการของลูกในครรภ์ช่วง 3 เดือน

การกระตุ้นพัฒนาการลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คุณแม่สามารถทำได้ เพื่อให้ลูกเกิดมาเป็นเด็กฉลาดมีพัฒนาการที่ดี โดยวิธีการกระตุ้น พัฒนาทารกในครรภ์ 3 เดือน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์นั้น คุณแม่สามารถทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1.การทำจิตใจให้ผ่องใส

เมื่ออารมณ์ดีสุขภาพจิตผ่องใสก็จะทำให้ร่างกายดีขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากผลวิจัยพบว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์หากมีอารมณ์ที่ดีทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ จะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข หรือที่เรียกว่าสาร (endorphin) ออกมาผ่านทางสายสะดือ และสามารถส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์ได้ ส่งผลทำให้ พัฒนาการทารกในครรภ์ มีพัฒนาการที่ดีทั้งสมองและอารมณ์ แต่ตรงกันข้ามหากคุณแม่มีอารมณ์ที่หงุดหงิด โมโหง่ายอยู่เป็นประจำในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายก็จะหลั่งสารความเครียดที่เรียกว่า (adrenalin) ส่งผ่านสู่ทารกในครรภ์ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ลูกที่เกิดมาเป็นเด็กงอแง เลี้ยงยากและมีพัฒนาการที่ช้านั่นเอง

2.พูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อยๆ

การที่คุณแม่หรือคุณพ่อพูดคุยกับลูกในครรภ์บ่อยๆ จะช่วยให้ระบบประสาท และสมองของทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยิน การที่คุณแม่พูดกับลูกบ่อยๆ ด้วยประโยคซ้ำๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยกับเสียงคุณแม่ อาจจะเล่าเรื่องความสุขหรือเรื่องที่คุณแม่อยากทำให้กับลูกได้ฟัง แต่อย่าไปพูดเรื่องที่คุณแม่เครียดให้ลูกฟังเพราะลูกในครรภ์สามารถรับรู้ความรู้สึกได้

3.การลูบหน้าท้อง

การที่คุณแม่ลูบหน้าท้องบ่อยๆ จะเป็นการกระตุ้นประสาท และสมองส่วนสัมผัสความรู้สึกของลูก ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยคุณแม่ควรลูบเป็นวงกลม จากบนลงล่าง หรือจะจากล่างขึ้นบริเวณไหนก็ได้ จะเป็นการกระตุ้น พัฒนาการทารกในครรภ์ ได้ดีอีกวิธีหนึ่ง

4.การฟังเพลง

ถึงแม้ว่าระบบประสาทการฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานเมื่อตอนอายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป  แต่การฟังเพลงในช่วงที่ครรภ์ยังอ่อนอย่าง 3 เดือนแรก ก็เป็นการช่วยกระตุ้นประสาทการฟัง รวมถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน ให้กับลูกน้อยได้ดียิ่งขึ้น และเสียงที่ดีก็ควรเป็นเสียงดนตรี เสียงเพลงที่คุณแม่ชอบฟังจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย และความสุขที่ได้จะส่งผ่านไปยังลูกในครรภ์ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อคลอดออกมาลูกน้อยจะมีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น

5.ทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับครรภ์

เพราะสมองของลูกน้อยมีส่วนผสมของไขมัน โดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไม่อิ่มตัวเป็นองค์ประกอบมากถึง ร้อยละ 60 กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะกรดไขมัน (DHA) ซึ่งจะพบมากในปลาทะเลน้ำลึก สาหร่ายทะเล และ (ARA) จะพบมากในพืช อย่างเช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันดอกคำฝอย หากคุณแม่ทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวจะช่วยเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน ในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง

การที่คนเรามีสมองที่ดีเฉลียวฉลาดไม่ได้มาจากกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การที่คุณแม่คอยกระตุ้นให้ความใส่ใจทารกในครรภ์ โดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ คอยกระตุ้นพัฒนาการอย่างที่เราได้กล่าวมาในข้างต้นนั้นจะช่วยให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการทารกในครรภ์ 3 เดือน ได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัวและการเลี้ยงดูก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการช่วยให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่ฉลาด แข็งแรง และมีพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาที่ดีด้วยนั่นเอง

เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular