fbpx
Homeการตั้งครรภ์สุขภาพช่วงตั้งครรภ์ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใส อันตรายไหม

ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใส อันตรายไหม

อีสุกอีใส เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Varicella-zoster virus (HZV) เป็นชื่อเดียวกับโรคงูสวัด ติดต่อได้หลายทางโดยเฉพาะ ตุ่มใสๆที่ขึ้นตามร่างกายเมื่อไปสัมผัสก็สามารถติดกันได้โดยง่าย หรือการหายใจแล้วเชื้อตัวนี้เข้าไปในร่างกาย ก็สามารถทำให้เป็นอีสุอีใสได้ค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์แล้วเป็นอีสุกอีใส

สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วเป็นอีสุกอีใส จะอันตรายมากกว่ายามปกติ เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงตั้งครรภ์ และจะเป็นอันตรายมากกับคุณแม่ที่ใกล้คลอด เพราะอาจจะทำให้มีอาการปอดบวม ปอดอักเสบ ทำให้เกิดการหายใจล้มเหลวและทำให้เสียชีวิตได้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์มีการติดเชื้ออีสุกอีใสก่อนคลอด 7 วันหรือหลังคลอด 7 วัน จะเป็นอันตรายมาก ถ้ามีการติดเชื้อแบบรุนแรงอาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ ดังนั้นหลังคลอด คุณหมอจะฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (ยาต้านไวรัส) ให้ลูก ยาจะสามารถลดการติดเชื้อลงได้..

สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือ เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์จะทำให้ทารกในครรภ์มีความผิดปกติของผิวหนัง และ แขนขาลีบ ผิวหนังเข้ม สมองฝ่อ ศีรษะเล็ก สมองอักเสบ ชัก ปัญญาอ่อน อัมพาต ตาเล็ก ประสาทตาฝ่อ ต้อกระจก น้ำหนักน้อยผิดปกติคุณแม่บางคนก็คลอดก่อนกำหนดอีกด้วยค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใสหรือไม่สังเกตอาการได้ง่ายๆ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ อ่อนเพลียและปวดเมื่อยอยู่ประมาณ 1-2 วัน หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะดีขึ้น แต่จะมีผื่น หรือ ตุ่มใสๆขึ้นทั่วไปตามร่างกาย อาการตุ่มใสขึ้นตัวนี้จะมีอยู่ประมาณ 4-6 วันหลังจากนั้นจะแห้งเองภายใน 3 วัน และจะหายเป็นปกติประมาณ 2 สัปดาห์

การดูแลตัวเองยามเป็นอีสุกอีใส

  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
  • ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอเพื่อป้องกันการขีดข่วนไปโดนตุ่มใส่แล้วจะติดเชื้อได้
  •  รีบไปพบหมอถ้ามีอาการแทรกซ้อน เช่น ตุ่มใสเป็นหนอง มีไข้สูง
  • คุณแม่ที่อายุครรภ์ยังน้อยให้ดูอาการแทรกซ้อนต่างๆอย่างละเอียดถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบพบแพทย์ทันที

โดยปกติแล้วโรคอีสุกอีใสมีวัคซีนฉีดเพื่อป้องกัน แต่ถ้าในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ควรไปฉีดวัคซีนนี้ เพราะการฉีดวัคซีนนั้นจะมีผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นคุณแม่ที่ต้องการตั้งครรภ์ควรวางแผนเตรียมพร้อมตั้งครรภ์ในเรื่องการฉีดวัคซีนต่างๆให้เรียบร้อยก่อนตั้งครรภ์เพื่อความปลอดภัยกับตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ


จาก : แม่รักลูก Photo Credit :abcnews.go.com

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular