น้ำคร่ำ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกในขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะน้ำคร่ำมีหน้าที่หลายอย่างเช่น เป็นแหล่งระบายของเสียจากตัวทารก เป็นแหล่งให้อาหารทารก รวมทั้งยังปรับอุณหภูมิในมดลูกให้เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของทารกอีกด้วย น้ำคร่ำ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากแต่ถ้าเกิดความผิดปกติบางอย่างเช่น น้ำคร่ำมากไป หรือ น้ำคร่ำน้อยไป จะส่งผลเสียอย่างไรกับทารกในครรภ์บ้าง มาดูกันค่ะ
น้ำคร่ำมากไป เกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- คุณแม่ตั้งครรภ์มีโรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี
- เกิดจากทารกในครรภ์มีความพิการ
- ทารกมีก้อนเนื้องอกที่ใบหน้า
- การตีบตันของหลอดอาหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์
น้ำคร่ำมากไป มีผลเสียดังนี้
- ทำให้มดลูกถูกดันจากแรงดันภายในให้ยืดขยายออกไปมากกว่าปกติ
- คุณแม่จะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ค่อยออก
- มดลูกจะโตมากผิดปกติ ทำให้ไปกดทับหลอดเลือด ทำให้เลือดที่ไหลเวียนจากส่วนล่างของร่างกายกลับไปยังหัวใจไม่สะดวก
- มีอาการบวมมือบวมเท้าหรือบวมตรงปากช่องคลอด
ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการที่น้ำคร่ำมากเกินไป ทำให้ทารกไม่สามารถดูดกลืนน้ำคร่ำได้หรือทำได้ยาก ทำให้น้ำคร่ำไม่สามารถไหลเวียนผ่านตัวทารกได้ กรณีที่ น้ำคร่ำมากเกินไป ต้องทำการระบายน้ำคร่ำออก โดยการเจาะและดูดน้ำคร่ำออกเป็นระยะๆจนกว่าคุณแม่จะคลอด หรือ ถ้าตรวจว่าคุณแม่เป็นเบาหวาน คุณแม่ต้องใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีค่ะ
น้ำคร่ำแห้ง หรือ น้ำคร่ำน้อยไป เกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ถุงน้ำคร่ำรั่ว ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
- รกเสื่อม รกมีขนาดเล็ก
- คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนครรภ์เป็นพิษ ความดัน เบาหวานหรือโรคอื่นๆ
- ทารกเติบโตช้า ตัวเล็ก
ผลเสียที่เกิดจาก น้ำคร่ำน้อยไป มีดังนี้
- สายสะดือรัดคอเด็กได้ง่ายเนื่องจาก เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงไม่ดี
- ถ้ามีสิ่งมากระแทกหน้าท้องของคุณแม่ อาจส่งผลกระเทือนไปถึงทารกในครรภ์ได้ค่ะ
- เสียสมดุลการปรับอุณหภูมิในมดลูกที่ทารกอยู่
- ลูกเคลื่อนไหวไม่สะดวก กล้ามเนื้อต่างๆของลูกไม่ได้พัฒนา
- สายสะดืออาจถูกกดทับ โดยตัวของทารกเองจนเสียชีวิตในครรภ์ได้
ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะน้ำคร่ำน้อย จะต้องได้รับการดูแลจากคุณหมออย่างใกล้ชิด และยิ่งหากเกิดภาวะนี้ตอนใกล้คลอดคุณแม่ต้องทานอาหารที่ให้พลังงานมากกว่าปกติอีก 200 แคลอรี เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นม ไข่ เนื้อปลา เป็นต้น
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ