fbpx
Homeเรื่องน่ารู้โรคที่พบในวัยเด็กเตือนภัย!!! โนโรไวรัส (Norovirus) ระบาดหนัก ถึงขั้นเสียชีวิตได้

เตือนภัย!!! โนโรไวรัส (Norovirus) ระบาดหนัก ถึงขั้นเสียชีวิตได้

จากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงนี้เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว แถมบางวันมีฝนตกลงมาอีกต่างหาก  โดยเฉพาะอากาศเย็น  เป็นโอกาสเหมาะในการเพาะพันธุ์ของเชื้อ โนโรไวรัส ได้ดียิ่งนัก  สังเกตว่าช่วงสองสามวันมานี้มีข่าวเกี่ยวกับการเจ็บป่วยด้วย โรคโนโรไวรัส จำนวนมาก แต่ขอบอกก่อนว่า เชื้อโนโรไวรัสแม้แต่แอลกอฮอล์ยังไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้   แบบนี้มาทำความรู้จักโรคโนโรไวรัสอย่างรอบด้านและวิธีป้องกันกันดีกว่านะคะ

ทำความรู้จัก : โนโรไวรัส (Norovirus)

โนโรไวรัส ไม่ใช่ไวรัสใหม่ เดิมชื่อ นอร์วอร์ก ตามชื่อเมืองที่พบครั้งแรกใน อเมริกา ไวรัสนี้มีระยะฟักตัวสั้น 12 – 48 ชั่วโมง  เชื้อโนโรไวรัส เมื่อ 3 ปีที่แล้วมีการระบาดในสถานเลี้ยงเด็ก จึงเห็นการป่วยจากไวรัสนี้ชัดขึ้น ยิ่งมีการระบาดในโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนดัง และโรงเรียนนานาชาติ  เมื่อพ่อแม่ของเด็กนักเรียนที่ป่วยพาไปตรวจโรคที่โรงพยาบาล จนคุณหมอสามารถตรวจเชื้อได้ จึงรู้ว่าเป็นโนโรไวรัส

ขณะนี้มีการเผยแพร่ข่าวเรื่องการป่วยจากโนโรไวรัสทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว  จึงเป็นโรคฮิตที่กำลังตื่นตัวของคนในสังคม เพราะมีเด็กป่วยด้วยโรคโนโรไวรัสกันมากขึ้น  นับวันอาการป่วยจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นเสียชีวิต

กลุ่มที่เชื้อโนโรไวรัสแพร่ระบาด ส่วนใหญ่เป็นในเด็กอนุบาล หรือ เด็กโตนักเรียนระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา และปัจจุบันโรคโนโรไวรัสเกิดกับผู้สูงอายุอีกด้วยซึ่งถือว่าอันตรายมาก เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

อาการของผู้ได้รับเชื้อโนโรไวรัส

เชื้อโนโรไวรัส ก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำให้เด็กหรือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโนโรไวรัส มีอาการ ดังนี้

  • อาการที่เด่นชัด คือ ท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาเจียนอย่างรุนแรง
  • อาจมีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย
  • มักจะมีอาการภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังจากได้รับเชื้อโนโรไวรัส
  • ลักษณะอาการเด่น คือ ท้องเสียและอาเจียน
  • โดยปกติผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2-3 วัน
  • แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำ อาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้ ดังนั้นควรดื่มน้ำเกลือแร่ โออาร์เอส เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่
  • หากรักษาเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบคุณหมอโดยด่วนเพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที

ข้อควรรู้

ในปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ ทำได้แค่รักษาตามอาการ และยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

การป้องกัน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  ได้ให้คำแนะนำ ไว้ดังนี้

  • โรคนี้สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการยึดหลัก “กินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ”
  • โดยล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดล้างให้นานไม่น้อยกว่า 20 วินาที ก่อนรับประทานอาหาร ก่อนใช้มือหยิบอาหาร หรือหลังหยิบจับสิ่งของหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ
  • รับประทานอาหารที่ยังร้อน ๆ และปรุงสุกใหม่ ๆ
  • ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
  • ใช้ช้อนกลางเสมอ
  • ดื่มน้ำสะอาด
  • ภาชนะที่ใช้ในการกินและดื่มต้องสะอาด

คำแนะนำเพิ่มเติม

สำหรับเด็ก ๆ ที่ติดเชื้อ ท้องเสียโนโรไวรัส พ่อแม่ควรงดให้ลูกไปโรงเรียน ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน รักษาให้หายดีเสียก่อน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโนโรไวรัสนะคะ

โนโรไวรัส
ภาพจาก: riskcomthai.org

เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular