โรคเอสแอลอี หรือที่เรียกกันว่า โรคพุ่มพวง คือ โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคเอสแอลอีเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายเซลล์ตัวเอง ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของภูมิคุ้มกันจะช่วยป้องกันโรค จนทำให้เกิดการอักเสบไปทั่วร่างกาย เช่น ผิวหนัง เยื่อบุช่องปาก เยื่อบุทางเดินอาหาร กระดูกและข้อ ไต หัวใจ ปอด ระบบประสาท เป็นต้น
สาเหตุ
ในทางการแพทย์ยังไม่ระบุสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม การติดเชื้อไวรัสบางตัว ยาบางชนิด รวมถึงแสงอัลตราไวโอเลต
อาการของโรคเอสแอลอี
มีไข้เรื้อรัง มีผื่นขึ้นที่หน้าผากพาดผ่านจมูกมาที่แก้มทั้งสองข้าง หรือที่เรียกกันว่า ผื่นผีเสื้อ (Butterfly Rash) ผื่นเหล่านี้มักจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นหากถูกแสงแดด ผมร่วงบาง ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ เยื่อหุ้มปอดอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ สมองอักเสบ เป็นต้น
เมื่อแม่ท้องป่วยเป็นโรคเอสแอลอี
โรคเอสแอลอีมักจะเกิดกับคนที่มีอายุน้อย ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สูง แม้ว่ากำลังทานยารักษาโรคนี้อยู่ก็ตาม ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง ทั้งจากโรคและจากยา ความจริงแล้วขณะที่กำลังรักษาอยู่นั้น ในทางการแพทย์จะเรียกว่า โรคกำลังแอ็คทีฟอยู่ ไม่ควรปล่อยให้ท้อง เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตทั้งแม่และลูกได้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแม่ตั้งครรภ์
1.แม่ท้องป่วยโรคเอสแอลอี หรือโรคพุ่งพวง มีโอกาสผ่าคลอดฉุกเฉิน เพราะอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ทารกขาดออกซิเจน หัวใจทารกเต้นอ่อนลงกะทันหัน
2.การผ่าตัดคลอด ต้องใช้ยาชาหรือดมยาสลบซึ่งจะมีผลต่อการอักเสบ ติดเชื้อของแผลและมดลูกได้ เพราะภูมิต้านทานในร่างกายไม่ดีพอ
3.แม่ตั้งครรภ์ป่วยโรคเอสแอลอี เสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกไม่หดรัดตัวหรือการอักเสบติดเชื้อในภายหลัง
4.เสี่ยงตอการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด หัวใจและสมอง
ลูกเสี่ยงเสียชีวิต หากแม่ท้องป่วยเป็นโรคเอสแอลอี
1.ผลกระทบระยะสั้น สำหรับคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคเอสแอลอี จะมีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ ได้แก่ แท้ง คลอดก่อนกำหนด ขาดอาหาร หรือทารกเสียชีวิตในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงท้องนั้นหากคุณแม่มีอาการของโรคเอสแอลอีกำเริบ โอกาสที่ทารกน้อยจะเสียชีวิตมีสูงถึง 50 % ค่ะ
2.ผลกระทบระยะยาว ลูกที่คลอดออกมามีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคเอสแอลอี เพราะภูมิต้านทานที่ผิดปกติของแม่สามารถส่งผ่านไปสู่ลูกน้อยได้
ในกรณีที่แม่ให้นม ต้องงดยาจำพวกสเตียรอยด์ เพราะจะส่งผลเสียกับลูกในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม หากป่วยด้วย โรคเอสแอลอี และมีความตั้งใจที่จะตั้งครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอก่อนจะดีที่สุดนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงยาที่จะมีผลกระทบ นอกจากนี้คุณหมอจะได้ประเมินสุขภาพของคุณแม่ด้วยว่า ควรหรือไม่ควรตั้งครรภ์ เนื่องจากผลเสียที่ตามมามีความเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนั่นเอง
Image Source: Color Atlas of Pediatric Dermatology Samuel Weinberg, Neil S. Prose, Leonard Kristal Copyright 2008, 1998, 1990, 1975, by the McGraw-Hill Companies, Inc. All rights reserved.
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ