คลอดก่อนกำหนดคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ในทางการแพทย์ทารกที่คลอดก่อนอายุครรภ์ครบ 37 สัปดาห์เต็มนั้น จะถือว่าคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะยิ่งคลอดเร็ว ความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อทารกน้อยนั้นจะยิ่งมากขึ้น มาดูกันว่า ทารกคลอดก่อนกำหนดนั้นเป็นอย่างไร
ส่องชีวิต!!! ทารกคลอดก่อนกำหนด
แน่นอนว่าการคลอดก่อนกำหนดโดยเฉพาะทารกที่คลอดเร็วมากเท่าไรนั้น การพัฒนาและการเจริญเติบโตของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเรียกได้ว่ายังไม่สมบูรณ์แทบจะทุกส่วนก็ว่าได้ เมื่ออยู่ในท้องของคุณแม่ร่างกายของลูกจะยังอยู่ในโพรงมดลูก โดยมีรกและสายสะดือเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงและนำพาอาหารและอากาศจากคุณแม่ ซึ่งยังไม่พร้อมที่จะออกมาใช้ชีวิตนอกครรภ์
ปอดที่บรรจุถุงลมจะมีรูปร่างสมบูรณ์และใช้งานได้ เมื่ออายุครรภ์ครบ 35 สัปดาห์ และใช้เวลาที่เหลือในครรภ์เพื่อหัดหายใจเอาน้ำคร่ำเข้าปอดเพื่อฝึกความพร้อมก่อนออกมาสู่โลกภายนอก ส่วนใหญ่แล้วทารกที่คลอดก่อนกำหนดอายุครรภ์ไม่ถึง 30 สัปดาห์ ส่วนหนึ่งจะไม่รอดชีวิต
หรือหากมีชีวิตรอดก็มักมีปัญหาสุขภาพติดตัว ต้องได้รับการดูแลรักษาในระยะยาว โดยเฉพาะสมองที่ไม่สมบูรณ์ กล้ามเนื้ออ่อนแอ โครงสร้างของร่างกายไม่แข็งแรง รวมถึงอาจจะเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเนื่องจากการพัฒนาของหัวใจยังพัฒนาไม่เต็มที่
ทารกคลอดก่อนกำหนด ต้องดูแลอย่างไร
- หากทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,000 กรัม จะถือว่าสามารถแท้งได้ ผิวของทารกจะอ่อนแอมาก คุณหมอจำเป็นต้องใช้วัสดุคล้ายพลาสติกบางที่ใช้ปิดตรึงบนภาชนะก่อนเข้าไมโครเวฟที่เราใช้กันอยู่ (wrap) ห่อตัวไว้
- ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าปอดจะทำงานโดยสร้างน้ำหล่อลื่นได้เต็มที่ จึงจะสามารถหายใจได้เองตามปกติ
- สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับกู้ชีพทารกคลอดก่อนกำหนดนี้ต้องอยู่ในดุลพินิจของคุณหมอเพราะอาการของทารกแต่ละคนจะแตกต่างกัน
หัวใจของคนเป็นพ่อแม่เมื่อได้ทราบเกี่ยวกับทารกที่คลอดก่อนกำหนดเช่นนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลเพื่อศึกษาเท่านั้นนะคะ อย่าเพิ่งวิตกหรือตกอกตกใจกลัวกันไปใหญ่
โอกาสรอดของทารกคลอดก่อนกำหนด ในแต่ละช่วงอายุครรภ์
ย้อนไปในสมัยก่อนที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้าไปมากนัก จึงทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 28 สัปดาห์ จะถือว่าเป็นการแท้งบุตร เพราะโอกาสที่จะช่วยเหลือทารกให้รอดชีวิตนั้นเป็นไปได้น้อยมาก แต่ในปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์เรื่องการดูแลทารกที่คลอดก่อนกำหนดนั้นมีความก้าวหน้าไปมาก จึงสามารถดูแลช่วยเหลือทารกที่มีอายุครรภ์น้อย ๆ ได้ดีขึ้น
ถึงแม้วิทยาการทางการแพทย์จะพัฒนาไปมากเพียงใดก็ตาม แต่สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดยิ่งอายุครรภ์น้อยมากเท่าไร โอกาสที่จะรอดชีวิตก็น้อยมากขึ้นตามไปด้วย ดังนี้
- อายุครรภ์ 22-23 สัปดาห์ มีโอกาสช่วยให้ทารกรอดชีวิตได้เพียง 17%
- อายุครรภ์ 24-25 สัปดาห์ มีโอกาสช่วยให้ทารกรอดชีวิตได้อยู่ที่ประมาณ 40-50%
- อายุครรภ์ 26-28 สัปดาห์ มีโอกาสช่วยให้ทารกรอดชีวิตได้อยู่ที่ประมาณ 80-90%
- อายุครรภ์ 29-31 สัปดาห์ มีโอกาสช่วยให้ทารกรอดชีวิตได้อยู่ที่ประมาณ 90-95%
- อายุครรภ์ 32-33 สัปดาห์ มีโอกาสช่วยให้ทารกรอดชีวิตได้อยู่ที่ประมาณ 95%
- อายุครรภ์ 34 สัปดาห์เป็นต้นไป ทารกมีโอกาสรอดชีวิตได้เหมือนทารกที่คลอดตามกำหนดปกติทั่วไป คือ ประมาณ 95-98%
สัญญาณเตือนทารกคลอดก่อนกำหนด
หากพบอาการเช่นนี้ต้องรีบไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด
1.มดลูกบีบรัดตัวเป็นจังหวะ ๆ แล้วคลาย แต่มีความถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มสร้างความเจ็บปวดให้คุณแม่มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เช่น จาก 4 ครั้ง ใน 1 ชั่วโมง เป็น 8 – 10 ครั้งใน 1 ชั่วโมง และจะเจ็บปวดมากทุกครั้งที่มดลูกบีบตัว
2.ท้องน้อยเกร็ง หากลองกดดู มดลูกจะแข็งสู้มือ
3.มีตกขาวปนมูกเลือดหรือมีเลือดสีแดงสดไหลปะปนออกมาจากช่องคลอดมากผิดปกติ
4.ปวดหลังมาก ร้าวไปยังสะโพก
5.มีน้ำคร่ำสีใส ๆ กลิ่นคาว รั่วไหลออกมาจากช่องคลอด อาการที่กล่าวมานี้เป็นข้อสังเกตที่ส่อว่าจะเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ ดังนั้นคุณแม่อย่านิ่งนอนใจนะคะต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที
วิธีการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
1.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างเพียงพอและอาหารเหล่านั้นควรมีธาตุสังกะสีและแมกนีเซียม จำพวก ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชต่าง ๆ เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดได้
2.สภาพจิตใจและอารมณ์ของแม่ขณะตั้งครรภ์ ไม่ควรเครียดจนเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับคุณแม่ที่ทำงานหนักต้องเดิน ยืน นั่ง เป็นเวลานาน ๆ ใช้แรงงานมาก หรืออยู่ในสถานที่เป็นมลพิษอาจส่งผลต่อการคลอดก่อนกำหนดสูงกว่าปกติ
3.คุณแม่ต้องรักษาระดับน้ำหนักของร่างกายให้เหมาะสม ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป
4.ป้องกันการติดเชื้อ เช่น เชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ติดเชื้อในช่องปาก ติดเชื้อในลำไส้จากอาหาร ติดเชื้อในช่องคลอดหรือถุงน้ำคร่ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หากเกิดความผิดปกติใด ๆ ต้องรีบปรึกษาคุณหมอทันทีนะคะเพื่อความปลอดภัย
5.การกินยาบางชนิดโดยไม่ปรึกษาคุณหมออาจส่งผลเสียต่อทารกน้อยในครรภ์ได้โดยตรง
ในช่วงตั้งครรภ์หากเกิดความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นควรรีบปรึกษาคุณหมอโดยเร็วนะคะอย่างปล่อยทิ้งไว้ และไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนัดตามที่ฝากครรภ์ไว้ หากเกิดความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของแม่และทารกน้อยค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ
- แม่แชร์: ผ่าคลอดก่อนกำหนด เพราะ สายสะดือพันกัน จนลูกขาดอากาศหายใจ
- ลดปัญหาลูกสมองพิการ ด้วยโฟเลตตอนตั้งครรภ์
- แม่ท้องควรมีน้ำหนักเท่าไร ในแต่ละไตรมาส