ยาเลื่อนประจำเดือนใช้อย่างไร มีผลกับคุณแม่ตั้งครรภ์หรือไม่
ยาเลื่อนประจำเดือน เป็นยาที่นิยมใช้กันในผู้หญิงที่ต้องทำกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ เช่น การเดินทางไกลไปต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศ ยาเลื่อนประจำเดือนที่นิยมกินกันคือ ยาฮอร์โมนโปรเจสโตเจน หรือฮอร์โมนโปรเจสโตโรน นั้นเอง เมื่อกินยาตัวนี้เข้าไปแล้วประจำเดือนจะเลื่อนไปประมาณ 1 สัปดาห์
สาเหตุที่กินยาเลื่อนประจำเดือนเข้าไปแล้วทำให้ประจำเลื่อนออกไปเนื่องจาก ปกติแล้วประจำเดือนจะเกิดจากฮอร์โมนโปรเจสโตโรนในร่างกายจะลดลง ทำให้เยื่อบุในโพรงมดลูกหลุดออกมาเป็นประจำเดือน ดังนั้นยาตัวนี้เป็นยาที่ไปควบคุมไม่ให้ระดับฮอร์โมนลดลงนั้นเองค่ะ
วิธีการกินยาเลื่อนประจำเดือนมีดังนี้
- ให้เริ่มกินประมาณ 3-4 วัน (เป็นอย่างน้อย) ก่อนวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมา
- โดยให้กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง ตามน้ำหนักตัว ดังนี้
- ถ้าน้ำหนักตัวต่ำกว่า 60 กิโลกรัมทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา
- ถ้าน้ำหนักตัวมากว่า 60 กิโลกรัมทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 เวลา
การกินยาเลื่อนประจำเดือนไม่ควรกินติดต่อกันนานเกิน 10-14 วันเพราะจะทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ และมีเลือดมากะปริบกะปรอย หลังจากหยุดกินไปแล้วประจำเดือนจะมาภายใน 2-3 วันค่ะ
ในกรณีที่กินยาเลื่อนประจำเดือนสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้โอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมากแต่ก็ไม่ควรประมาท ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ
ข้อจำกัดของการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน มีดังนี้
- ผู้ที่ต้องการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนต้องแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ เพราะถ้าตั้งครรภ์อยู่แล้วใช้ยาตัวนี้ทารกในครรภ์อาจพิการหรือแท้งได้ค่ะ
- สำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตรอยู่เมื่อใช้ยาตัวนี้เป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้รู้สึก คัดตึง หรือเจ็บเต้านมได้ค่ะ
- ถ้าต้องการคุมกำเนิดแล้วจะใช้ยาเลื่อนประจำเดือนสามารถทำได้แต่ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะยาตัวนี้จะทำให้เมือกบริเวณตรงช่องคลอดเหนียวข้นขึ้นทำให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิยากขึ้น แต่ไม่สามารถใช้แทนยาคุมได้ควรใช้ยาที่สำหรับคุมกำเนิดโดยตรงจะดีกว่าค่ะ และยาเลื่อนประจำเดือนไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานค่ะ
- อาการข้างเคียงจากการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน คือ ทำให้มีเลือดออก เลือดมากะปริบกะปรอย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะและซึมเศร้า เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงนั้นเองค่ะ
การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนไม่ค่อยมีผลดีกับร่างกายนัก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่สมควรจะใช้เพราะจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายหลายอย่าง เช่น ประจำเดือนมาผิดปกติจากที่เคยมา หรืออาจจะมาไม่ตรงกันทุกเดือนค่ะ ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีที่สุดค่ะ
จาก : แม่รักลูก Photo Credit : xtrapharm.ch