เด็กวัย 3-6ปี หรือที่เรียกว่า ปฐมวัย นี้มีพัฒนาการด้านภาษาและการเคลื่อนไหวของร่างกายที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเข้าสู่สังคมที่มีกฏระเบียบแล้ว เด็กปฐมวัย เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญมากทั้งคุณพ่อคุณแม่และตัวลูกน้อยเอง
จากเด็กที่อยู่กับสังคมในครอบครัว กิน นอน เล่น แบบไม่มีกฏเกณฑ์อะไรมากมาย ผู้คนที่พบเจอก็คุ้นเคยกันมาเป็นอย่างดี แต่ต้องเปลี่ยนตัวเองมาอยู่ในสังคมใหญ่ที่มีกฏเกณฑ์และระเบียบวินัยมากขึ้น อีกทั้งมีผู้คนมากมายและไม่ใช่คนที่คุ้นเคยมาก่อน การปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ของลูกนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ยากและเป็นที่กังวลใจของคุณพ่อคุณแม่อย่างมาก
เรามาทำความรู้จักพฤติกรรมของเด็กเมื่อเข้าโรงเรียนครั้งแรกกันค่ะ
1.เด็กที่ปรับตัวได้เร็ว เด็กกลุ่มนี้จะเข้ากับสังคมใหม่ในโรงเรียนได้อย่างไม่มีปัญหาและใช้เวลาไม่นาน คุณพ่อคุณแม่ก็สบายใจ ไม่ต้องกังวลใจมากมาย ลูกไปโรงเรียนได้โดยไม่ร้องไห้เลย หรือร้องไห้น้อยมาก
2.เด็กที่ปรับตัวได้ช้า เด็กบางคนก็ใช้เวลาในการปรับตัวนานมากร้องไห้งอแงอยู่หลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนเมื่อรู้ว่าต้องไปโรงเรียน บางครั้งอาจแกล้งป่วย แต่พอหยุดอยู่บ้านก็ไม่เป็นไร เด็กกลุ่มนี้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเหนื่อยและใจแข็งมากๆ กว่าที่ลูกจะปรับตัวและยอมรับโรงเรียนได้
3.เด็กที่เหมือนกับจะปรับตัวได้เร็ว เด็กบางคนที่ในช่วงแรกรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับโรงเรียนใหม่ เห็นของเล่นมากมาย รู้สึกสนุก มีความกระตือรือร้นที่จะไปโรงเรียนมาก คุณพ่อคุณแม่เองก็คิดว่าลูกปรับตัวได้เร็วและดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เมื่อลูกเริ่มรู้ว่าโรงเรียนไม่ใช่สังคมที่เค้าจะมีอิสระได้เต็มที่ ที่จะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ เค้าต้องยอมรับและทำตามกฏของโรงเรียน การต่อต้านก็เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะร้องไห้งอแง และใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้
การปรับตัวของลูกน้อยในการไปเจอกับสังคมใหม่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจกับลูกน้อยด้วยนะคะ การที่ลูกสามารถปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งส่งผลดีกับตัวของลูกน้อยเองที่จะได้รับความรู้และพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆของเค้าออกมาได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้นค่ะ
เรื่องอื่นๆที่เราแนะนำสำหรับคุณ